เคยสงสัยไหมว่าเวลาที่เราอ่านหนังสือภาษาไทย ไม่ว่าจะเป็นนิยาย หนังสือวิชาการ หรือคู่มือการใช้งานต่าง ๆ หลายเล่มอาจจะมีต้นฉบับที่เขียนเป็นภาษาอื่น เช่น ภาษาอังกฤษ ภาษาญี่ปุ่น ภาษาจีน หรือภาษาอื่น ๆ แล้วใครกันที่ช่วยให้หนังสือหรือสื่อเหล่านี้เข้าถึงคนไทย? คำตอบก็คือ “นักแปลภาษา” นั่นเอง
นักแปลภาษาเป็นส่วนสำคัญในการทำให้เราสามารถเชื่อมต่อกับความรู้และเรื่องราวจากทั่วโลกได้ แม้ว่าเราจะพูดหรืออ่านภาษานั้น ๆ ไม่ได้เลยก็ตาม การแปลภาษาไม่ได้เป็นเพียงแค่การแปลงคำจากภาษาหนึ่งไปยังอีกภาษาหนึ่งเท่านั้น แต่ยังต้องอาศัยทักษะ ความเข้าใจในวัฒนธรรม และความสามารถในการถ่ายทอดเนื้อหาอย่างลื่นไหลอีกด้วย ซึ่งไม่ง่ายเลย
ในวันนี้ Jobcadu จะพาทุกคนมารู้จักกับอาชีพนักแปลภาษา ว่าต้องทำอย่างไรบ้างถึงจะก้าวเข้าสู่วงการนี้ ต้องเรียนอะไร และที่สำคัญ อาชีพนี้สามารถสร้างรายได้ให้เราได้เท่าไหร่
เส้นทางอาชีพของนักแปลภาษา นักแปลคืออะไร
นักแปลภาษาเป็นอาชีพที่ต้องอาศัยทักษะทางภาษาขั้นสูงในการทำงาน โดยบทบาทของนักแปลจะแตกต่างจากล่ามอย่างชัดเจนในแง่ของรูปแบบการทำงานและทักษะที่ใช้
นักแปลภาษา คือผู้ที่ทำหน้าที่ถ่ายทอดข้อความหรือเนื้อหาจากภาษาหนึ่งไปสู่อีกภาษาหนึ่งผ่านสื่อต่าง ๆ เช่น หนังสือ เอกสาร หรือแม้กระทั่งการแปลซับไตเติ้ลในภาพยนตร์และซีรีส์ ขณะที่ ล่าม เป็นผู้ที่แปลภาษาผ่านการพูด เพื่อช่วยให้การสื่อสารระหว่างบุคคลที่พูดคนละภาษา
นักแปลภาษาต้องเรียนอะไรมา ต้องจบนอกไหม
การเป็นนักแปลภาษานั้นไม่จำเป็นต้องเรียนจบจากต่างประเทศเสมอไป แต่การมีพื้นฐานความรู้ด้านภาษาศาสตร์หรือสาขาที่เกี่ยวข้อง เช่น อักษรศาสตร์ มนุษยศาสตร์ วรรณกรรม การแปลหรือล่าม จะช่วยให้เข้าใจโครงสร้างและบริบทของภาษาได้ดีขึ้น
นอกจากนี้ การเรียนรู้ภาษาที่สาม เช่น ภาษาจีน เกาหลี ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส หรือสเปน จะเพิ่มโอกาสในการทำงานในตลาดที่มีการแข่งขันสูง หรือหากสนใจเรียนต่อต่างประเทศที่เป็นเจ้าของภาษาที่เราสนใจ เพื่อเปิดประสบการณ์ รับวัฒนธรรมใหม่ๆ หรือเพิ่มฐานเงินเดือนในการทำงานในอนาคตก็สามารถเข้าไปดูคอร์สเรียนภาษาเพิ่มเติมได้ที่ Education Portal
ทักษะที่จำเป็นในการเป็นนักแปลภาษา
Hard Skills
- ความเชี่ยวชาญด้านภาษา (Language Proficiency): ต้องมีความรู้ลึกซึ้งในภาษาแหล่งที่มา (Source Language) และภาษาปลายทาง (Target Language) รวมถึงความสามารถในการแปลคำศัพท์เฉพาะทาง เช่น กฎหมาย แพทยศาสตร์ หรือเทคโนโลยี และด้านอื่น ๆ หากในเรื่องที่ยากมาก ๆ ก็มีโอกาสที่จะได้เงินเดือนสูงขึ้น
- การใช้ซอฟต์แวร์ช่วยแปล (CAT Tools): เช่น Trados Studio, MemoQ, Wordfast หรือ Google Translate Toolkit
- ความสามารถในการเขียน (Writing Skills): ทักษะการเขียนที่ดีจะช่วยให้เนื้อหาแปลดูเป็นธรรมชาติและน่าอ่าน
Soft Skills
- ความละเอียดรอบคอบ (Attention to Detail): การตรวจสอบงานแปลให้ถูกต้องตามต้นฉบับ
- การบริหารเวลา (Time Management): เนื่องจากงานแปลมักมีการกำหนดเวลาอย่างเคร่งครัด
- การคิดเชิงวิเคราะห์ (Analytical Thinking): เพื่อแปลความหมายที่ซับซ้อนให้เข้าใจง่าย และยังคงความหมายเดิม
- มีความยืดหยุ่น (Flexibility): นักแปลต้องสามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า เช่น คำศัพท์ที่หาความหมายไม่ได้ในพจนานุกรม หรือการจัดการกับคำแปลที่ไม่ตรงบริบท
นักแปลภาษาได้เงินเดือนเท่าไหร่
อาจจะเทียบจากอาชีพต่าง ๆ เช่น นักแปลหนังสือ นักแปลล่าม นักแปลใด ๆ รายได้ของนักแปลภาษาขึ้นอยู่กับประเภทของงานและประสบการณ์ เช่น
- นักแปลหนังสือ: รายได้อาจเริ่มต้นที่ 300–500 บาทต่อหน้า หรืออาจได้รับค่าตอบแทนแบบเหมาเป็นเล่ม โดยเล่มหนึ่งอาจมีค่าจ้างตั้งแต่ 10,000–50,000 บาทขึ้นไป
- นักแปลเอกสารทางธุรกิจ: ค่าจ้างเฉลี่ยเริ่มต้นที่ 500–1,000 บาทต่อหน้า
- นักแปลซับไตเติ้ล: ค่าจ้างมักอยู่ที่ประมาณ 30–50 บาทต่อนาทีของเนื้อหา
- ล่ามแปลภาษา (Interpreter): รายได้ของล่ามมีแนวโน้มสูงกว่านักแปลเอกสาร โดยเฉพาะล่ามในงานประชุมระดับนานาชาติ ซึ่งอาจได้รับค่าจ้างตั้งแต่ 5,000–20,000 บาทต่อวัน ขึ้นอยู่กับภาษาและความเชี่ยวชาญ
นักแปลภาษาไม่ได้มีแค่ภาษาอังกฤษนะ มีภาษาอื่น ๆ อีกมากมาย
แม้ว่าภาษาอังกฤษจะเป็นภาษาที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย แต่ตลาดนักแปลยังต้องการผู้เชี่ยวชาญในภาษาอื่น ๆ เช่น
- ภาษาจีน
- ภาษาญี่ปุ่น
- ภาษาเกาหลี
- ภาษาฝรั่งเศส
- ภาษาเยอรมัน
เป็นนักแปลภาษา จะหางานแปลภาษาได้ที่ไหนบ้าง
อาชีพนักแปลภาษาเหมาะสำหรับคนที่รักในภาษาและวัฒนธรรม ชอบการถ่ายทอดเรื่องราว และมีความละเอียดอ่อนในงานเขียน แม้จะต้องใช้ความพยายามในการพัฒนาทักษะและประสบการณ์ แต่อาชีพนี้สามารถมอบทั้งความท้าทาย ความหลากหลาย และรายได้ที่น่าพอใจ สำหรับใครที่สนใจอยากเป็นนักเเปลภาษา สามารถเข้าไปหางานได้ที่ Job Portal