ในการทำงาน การสื่อสารกับผู้อื่นเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นบุคคลภายนอกหรือภายใน ซึ่งเราจะได้เปรียบเป็นอย่างมากถ้าเรามีทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษ แต่บางคนก็อาจจะไม่มั่นใจหรือยังไม่เก่งพอ วันนี้ jobcadu จะมาเสนอเทคนิคทั้งหมด 6 ข้อ เป็นการชี้แนวทางสำหรับผู้ที่กำลังอยากเริ่มต้นพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษให้เก่งและพัฒนาขึ้นครบทุกมิติในการสื่อสาร และสามารถนำไปใช้ได้จริงในชีวิตประจำวันรวมไปถึงเติบโตในสังคมการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทำไมต้องฝึกภาษาอังกฤษ ภาษาอังกฤษสำคัญอย่างไร?
การเรียนภาษาอังกฤษในสมัยนี้ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป จะเห็นได้ว่า ไม่ใช่แค่ผู้ใหญ่วัยทำงานที่ให้ความสนใจกับการเรียนภาษาอังกฤษ แต่มีเด็กวัยเรียนหรือนักศึกษาในปัจจุบันจำนวนไม่น้อยหันมาให้ความสนใจกับการเรียนภาษาอังกฤษเพื่อพัฒนาศักยภาพของตัวเองกันมากขึ้น เนื่องจากในยุคปัจจุบัน คนส่วนใหญ่เริ่มตระหนักว่า หนึ่งในความก้าวหน้าในอาชีพหรือสายการเรียนในอนาคต หรือแม้กระทั่งการเพิ่มฐานเงินเดือนของตนเอง นั่นคือทักษะภาษาอังกฤษ รวมทั้งสามารถต่อยอดไปถึงการไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศ เพราะภาษาอังกฤษถือเป็นหนึ่งภาษาที่ช่วยให้เราสื่อสารกับผู้คนที่มาจากเชื้อชาติและวัฒนธรรมที่แตกต่างได้
เห็นได้ว่า ภาษาอังกฤษเหมาะกับทุกวัย ถึงแม้จะยังไม่ได้นำไปใช้ในวันนี้ แต่การฝึกทักษะนี้ไว้ให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอก็ย่อมเป็นผลประโยชน์ที่ดีต่อตัวท่านเองในสายงานในอนาคตที่ตั้งใจจะไปถึง โดยเฉพาะบุคคลวัยทำงาน, นักศึกษาที่วางแผนเรียนต่อต่างประเทศ และผู้ที่ต้องการเพิ่มทักษะภาษาอังกฤษเพื่อไปใช้ในผลประโชน์ต่าง ๆ เช่น เพื่อใช้เป็นคะแนนในการยื่นเพื่อศึกษาต่อในสายงานที่ลงลึกมากขึ้น และหากสนใจเพิ่มเติมเกี่ยวกับการพัฒนาตนเองสู่สายงานที่ต้องการสามารถเข้ามาเพื่อรับข้อมูลข่าวสารได้ที่ Career Portal
เทคนิค 6 ข้อที่จะช่วยฝึกภาษาอังกฤษให้เก่งทั้งฟัง พูด อ่าน เขียน
ข้อที่ 1 : กำหนดเป้าหมายในการฝึกภาษาที่ชัดเจน
การตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนว่าเราอยากจะเรียนภาษาอังกฤษอย่างจริงจังในครั้งนี้ไปเพื่ออะไร? เราอยากได้อะไรจากการเรียนภาษาอังกฤษ? เป็นนิมิตหมายอันดีในการเริ่มต้นที่จุดสตาร์ท เพื่อเป็นการกำหนดทิศทาง และระยะเวลาให้เรามีกำลังใจในการมีวินัยฝึกฝน ไม่หลงทางหรือท้อจนล้มเลิกไประหว่างทาง และควรกำหนดเดดไลน์ในการฝึกฝนให้ชัดเจนเพื่อให้เราฝึกภาษาได้อย่างมีจุดมุ่งหมาย
ข้อที่ 2 : อ่านและจดศัพท์ภาษาอังกฤษใหม่ ๆ อยู่เสมอ
การตั้งใจเรียนรู้คำศัพท์ใหม่ ๆ ไปพร้อมกับการจดให้เห็นผ่านตาอยู่เสมอ เป็นวิธีหนึ่งที่ทำให้เกิดการเรียนรู้อย่างก้าวกระโดดเลยทีเดียว เนื่องจากการมีคลังคำศัพท์ในหัวที่มากขึ้น ย่อมทำให้เกิดความรู้ความเข้าใจในบางรูปประโยคและบริบทได้ดียิ่งขึ้นตามไปด้วย รวมถึงเป็นตัวซัพพอร์ตในการฝึกพัฒนาการพูดได้คล่องแคล่วและเติมรูปประโยคได้สละสลวยมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
ข้อที่ 3 : ฟังเพลง ฟังพอดแคสต์ และ ดูหนังภาษาอังกฤษ
ต้องยอมรับว่าอีกหนึ่งทักษะที่ช่วยให้การฝึกภาษาอังกฤษให้พัฒนามากขึ้น คือการฟัง หลายคนเก่งขึ้นจากทักษะการฟังที่ดีเยี่ยม นอกจากนี้ การฟังภาษาอังกฤษจากต้นฉบับ ทำให้เราไม่ต้องคอยสงสัยในตัวเองว่าที่เรากำลังฝึกสื่อสารอยู่มันถูกต้องหรือยัง และการฟังทำให้เราเข้าใจว่าธรรมชาติของต้นฉบับเขาสื่อสารกันในสำเนียงแบบไหน ใช้รูปประโยคแบบใดในแต่ละบริบท เช่น บริบทที่ใช้ในการสื่อสารเป็นเพลง บริบทที่ใช้พูดในพอดแคสต์หรืองานทอล์คโชว์ต่าง หรือบริบทที่ใช้สื่อการในหนังของตัวละคร ทุกอย่างล้วนใช้จากทักษะการฟังและการจดจำได้ที่มากพอ และจะยิ่งมีประสิทธิภาพมากขึ้นถ้าได้เห็นเป็นภาพเหตุการณ์ควบคู่ไปด้วยจากการดูหนังหรือรายการต่าง ๆ ของต่างประเทศ
ข้อที่ 4 : นำภาษาอังกฤษไปใช้จริงทุกครั้งที่มีโอกาส
การเรียนรู้เพียงอย่างเดียวย่อมไม่ทำให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดเท่ากับการนำสิ่งที่เรียนรู้มาทั้งหมดไปปรับใช้จริง เมื่อฝึกภาษาอังกฤษมาได้สักระยะหนึ่ง ควรเริ่มนำไปใช้ในชีวิตประจำวันบ้าง เช่น ลองนำไปใช้สื่อสารกับเพื่อน อาจารย์ คนในที่ทำงาน หรือนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เราอาจบังเอิญได้ไปพบเจอในบางโอกาส การลองก้าวข้ามคอมฟอร์ตโซนจะช่วยให้เราพัฒนาได้ไกลและรวดเร็วอย่างมีนัยสำคัญเลยทีเดียว
ข้อที่ 5 : หาคู่สื่อสารที่เป็นชาวต่างชาติในชีวิตประจำวัน
สภาพแวดล้อมเป็นสิ่งที่สำคัญมาก การที่เรามุ่งมั่นตั้งใจฝึกภาษาอังกฤษมาก ๆ แต่ไม่มีใครที่เราสามารถสื่อสารและขอคำแนะนำจากผู้ที่เป็นต้นแบบภาษา (Native Speaker)ได้เลย ย่อมเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย ดังนั้น เพื่อประสิทธิภาพที่สูงสุดในการเรียนรู้ เราควรพาตัวเองเข้าไปอยู่ในสังคมที่ใช้การสื่อสารภาษาอังกฤษอย่างเป็นปกติ หรือหาเพื่อนที่เป็นเจ้าของภาษาเพื่อสื่อสารด้วยในชีวิตประจำวันอย่างสม่ำเสมอ รับประกันได้ว่า ทักษะภาษาอังกฤษของเราจะพัฒนาขึ้นได้อย่างก้าวกระโดดแน่นอน
ข้อที่ 6 : หาคอร์สเรียนออนไลน์เพิ่มเติม
สำหรับผู้ที่ต้องการนำไปใช้สอบเพื่อยื่นคะแนนต่าง ๆ หรือรีบนำไปใช้จริงในระยะเวลาอันสั้น ควรตัดสินใจจัดงบเพื่อหาเรียนคอร์สภาษาอังกฤษเพิ่มเติมเพื่อความแม่นยำในการเรียนภาษา และคำแนะนำจากผู้สอนที่เป็นเหมือนทางลัดให้เราไม่ต้องฝึกฝนนาน ๆ หรือผิดพลาดบ่อย ๆ ซึ่งในแต่ละคอร์สก็จะมีความเข้มข้น ราคา และระยะเวลาในการเรียนที่แตกต่างกันไป การเลือกคอร์สจึงขึ้นอยู่กับเป้าหมายและความต้องการส่วนตัวของแต่คน
สรุปได้ว่า ยิ่งหากเรามีทักษะทางภาษาอังกฤษ เราย่อมได้เปรียบในสังคมการทำงานกว่าผู้ที่ไม่มีทักษะทั้งในเรื่องสภาพแวดล้อมและทางการเงิน เนื่องจากโลกในปัจจุบันสามารถเชื่อมต่อกันได้อย่างอิสระเสรีมากขึ้น รวมทั้งในแง่ขององค์กร ซึ่งมีหลายองค์กรในประเทศที่มองหาลู่ทางในการไปเติบโตในต่างประเทศ และองค์กรคุณภาพจากต่างประเทศที่ต้องการหาลู่ทางและร่วมงานกับหน่วยงานในประเทศไทย ดังนั้น บริษัทชั้นนำต่าง ๆ จึงมองหาพนักงานที่สามารถติดต่อสื่อสารกับชาวต่างชาติได้เพื่อผลประโยชน์ขององค์กรและประสิทธิภาพการทำงานร่วมกันสูงสุด
นอกจากนี้ หากเก่งภาษาอังกฤษแล้ว อย่าลืมหางานที่ได้ใช้ภาษาอังกฤษ ได้ที่ www.jobcadu.com แหล่งที่รวบรวมตำแหน่งงานคุณภาพที่ได้ใช้ภาษาจากบริษัทชั้นนำมากมาย