MBA หรือ Master of Business Administration เป็นระดับการศึกษาที่ได้รับการยอมรับทั่วโลกออกแบบมาเพื่อพัฒนาทักษะที่จำเป็นสำหรับอาชีพด้านธุรกิจและการจัดการ
นอกเหนือจากวงการธุรกิจแล้ว MBAยังสามารถเตรียมความพร้อมให้กับเราในบทบาทผู้นำในภาคส่วนต่างๆ เช่น การบริหารธุรกิจ การศึกษา และเทคโนโลยี สำหรับคนไทยเเล้ว การเรียนต่อ MBA ไม่ใช่เพียงแค่การได้ใบปริญญา แต่ยังเป็นโอกาสในการได้รับประสบการณ์ที่มากขึ้น ได้สร้างคอนเนคชั่น และเพิ่มโอกาสในการทำงาน ส่งเสริมการคิดเชิงกลยุทธ์ สามารถเป็นผู้นำได้อย่างมีประสิทธิภาพ และทักษะในการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมทางธุรกิจในระดับสากล ทาง Jobcadu เลยอยากมาเเชร์ประโยชน์ของการเรียนต่อ MBA เเละเเนะนำหลักสูตรที่น่าสนใจ เผื่อเป็นแนวทางให้กับคนที่มีแพลนจะเรียนต่อปริญญาโทในหลักสูตร MBA
เคล็ดลับในการเข้าศึกษาต่อหลักสูตร MBA
1.วางแผนการเรียนต่อ MBA ล่วงหน้า
- เลือกหลักสูตรที่เหมาะสม: ตัดสินใจว่าคุณต้องการเรียน MBA แบบเต็มเวลา พาร์ทไทม์ ออนไลน์ หรือสำหรับผู้บริหาร ตามเป้าหมายอาชีพและไลฟ์สไตล์ของคุณ
2.เตรียมตัวสำหรับการสอบเข้า MBA
- หลักสูตร MBA ส่วนใหญ่กำหนดให้มีคะแนนสอบมาตรฐาน เช่น GMAT หรือ GRE มุ่งเป้าไปที่คะแนนที่แข่งขันได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับหลักสูตรชั้นนำของมหาวิทยาลัยต่าง ๆ
- สำหรับหลักสูตรต่างประเทศ การสอบวัดความสามารถทางภาษาอังกฤษ เช่น IELTS หรือ TOEFL เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับหลักสูตรต่างประเทศ เพื่อนำไปใช้ยื่นสมัครสอบหรือเข้าเรียนต่อ
3.เตรียมตัวในการสมัคร MBA ให้พร้อม
- เรซูเม่: โชว์ทักษะและประสบการณ์ที่โดดเด่น
- บทความเเนะนำตัว (SOP): เขียนเรียงความที่น่าสนใจโดยอธิบายเป้าหมายของคุณและเหตุผลที่คุณเหมาะสมกับหลักสูตร
- จดหมายรับรอง: ขอคำรับรองจากหัวหน้างานหรืออาจารย์ที่ปรึกษาที่สามารถรับรองทักษะและลักษณะนิสัยของคุณ
4.เตรียมความพร้อมในด้านการเงิน
- หลักสูตร MBA อาจมีค่าใช้จ่ายสูง ดังนั้นการวางแผนงบประมาณเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมากลองทุนดูว่ามหาลัยไหนที่เราสนใจมีทุนการศึกษาให้หรืออาจจะเป็นการขอการสนับสนุนจากครอบครัว
5 อันดับหลักสูตร MBA ชั้นนำในเอเชีย
1.NUS Business School – National University of Singapore (NUS)
- ค่าเล่าเรียน: 87,000 SGD (ประมาณ 2,203,000 บาท)
- ระยะเวลา: 17 เดือน
- จุดเด่น: ได้รับการจัดอันดับเป็นหนึ่งในหลักสูตร MBA ชั้นนำของเอเชีย หลักสูตร MBA ของ NUS มอบประสบการณ์การเรียนรู้แบบไดนามิกและหลากหลายโดยเน้นการพัฒนาทัศนคติทางธุรกิจระดับโลก
2.Tsinghua University, School of Economics and Management: Tsinghua Global MBA Program
- ค่าเล่าเรียน: 198,000 RMB (ประมาณ 939,000 บาท)
- ระยะเวลา: 2 ปี
- จุดเด่น: หลักสูตร MBA ของมหาวิทยาลัยซิงหัวโดดเด่นด้วยการผสมผสานการเรียนรู้เชิงทฤษฎีที่เข้มข้นกับประสบการณ์จริงในด้านนวัตกรรมเทคโนโลยีและการประกอบธุรกิจ
3.Nanyang Business School, Singapore
- ค่าเล่าเรียน: 75,000 SGD (ประมาณ 1,899,100 บาท)
- ระยะเวลา: 1 ปี
- จุดเด่น: หลักสูตร MBA ของ Nanyang Business School เน้นการพัฒนาผู้เรียนให้เป็นนักคิดเชิงนวัตกรรมที่มีความสามารถในการแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อนด้วยวิธีการที่สร้างสรรค์
4.China Europe International Business School (CEIBS)
- ค่าเล่าเรียน: 488,000 RMB (ประมาณ 2,314,400 บาท)
- ระยะเวลา: 12-16 เดือน
- จุดเด่น: CEIBS มอบประสบการณ์การเรียนรู้ MBA เพื่อพัฒนาทักษะความเป็นผู้นำระดับโลก ผสมผสานการเรียนรู้เชิงทฤษฎีที่เข้มข้นกับความเข้าใจเชิงลึกเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
5. SMU (Lee Kong Chian School of Business) , Singapore
- ค่าเล่าเรียน: 81,750 SGD (ประมาณ 2,070,000 บาท)
- ระยะเวลา: 15-20 เดือน
- จุดเด่น: หลักสูตร MBA ของ SMU มุ่งพัฒนาผู้นำธุรกิจที่มีความรอบรู้และสามารถปรับตัวได้อย่างคล่องตัวด้วยหลักสูตรที่เข้มข้นและเน้นการมีส่วนร่วมแนวทางการเป็นผู้นำ SMU ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมนวัตกรรมและความสามารถในการปรับตัวเพื่อเตรียมความพร้อมให้นักศึกษาประสบความสำเร็จในโลกธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน หลักสูตรเน้นการเรียนรู้แบบโต้ตอบเพื่อให้นักศึกษาได้รับความรู้เชิงลึกและประสบการณ์จริง
บอกต่อ 5 หลักสูตร MBA ที่น่าสนใจในประเทศไทย
1. สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์เเห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (Sasin School of Management, Chulalongkorn University)
- ค่าเล่าเรียน: ประมาณ 1,600,000 บาท
- ระยะเวลาหลักสูตร: 12 เดือน
- จุดเด่น: หลักสูตร MBA ของศศินทร์ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติด้วยการเน้นย้ำเรื่องการเป็นผู้ประกอบการและการ พัฒนาความเป็นผู้นำ หลักสูตรนี้มอบการผสมผสานระหว่างความเข้มข้นทางวิชาการและความเข้าใจในธุรกิจเชิงปฏิบัติ เตรียมความพร้อมให้นักศึกษาก้าวสู่การเป็นผู้นำในสภาพแวดล้อมธุรกิจระดับโลก
2. มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ - M.B.A. Fast Track (Assumption University)
- ค่าเล่าเรียน: ประมาณ 500,000 บาท
- ระยะเวลาหลักสูตร: 1.5 - 2 ปี
- จุดเด่น: หลักสูตร Fast Track MBA ของอัสสัมชัญมุ่งเน้นเฉพาะด้านการตลาด การเงิน และการจัดการทั่วไป หลักสูตรนี้ออกแบบมาสำหรับมืออาชีพที่ต้องการเร่งความก้าวหน้าในอาชีพด้วยตารางเรียนที่ยืดหยุ่นและหลักสูตรที่เน้นการประยุกต์ใช้งานจริง เหมาะสำหรับผู้ที่ทำงานไปด้วย
3. Thammasart Business School: MBA
- ค่าเล่าเรียน: ประมาณ 361,420 บาท
- ระยะเวลาหลักสูตร: 2 ปี
- จุดเด่น: หลักสูตร MBA ของธรรมศาสตร์ได้รับการยกย่องในด้านหลักสูตรที่เข้มข้น ผสมผสานความเป็นเลิศทางวิชาการกับการเน้นย้ำเรื่องความเป็นผู้นำที่มีจริยธรรมและความรับผิดชอบต่อสังคม หลักสูตรนี้เสริมสร้างทักษะและความรู้ให้นักศึกษาสามารถจัดการกับความท้าทายทางธุรกิจที่ซับซ้อน พร้อมทั้งปลูกฝังความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนและรับผิดชอบต่อสังคม
4. สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA) - International MBA (National Institute of Development Administration)
- ค่าเล่าเรียน: ประมาณ 358,400 บาท
- ระยะเวลาหลักสูตร: 22 เดือน
- จุดเด่น: หลักสูตร International MBA ของ NIDA มุ่งเน้นการบริหารรัฐกิจและการจัดการการพัฒนา หลักสูตรนี้เหมาะสำหรับมืออาชีพที่ต้องการสร้างผลกระทบในภาครัฐและเอกชนด้วยการเน้นย้ำเรื่องความเป็นผู้นำและการคิดเชิงกลยุทธ์
5. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย - คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี: หลักสูตร MBA ภาษาอังกฤษ (Chulalongkorn University – Chulalongkorn Business School)
- ค่าเล่าเรียน: ประมาณ 498,500 บาท
- ระยะเวลาหลักสูตร: 2 ปี
- จุดเด่น: หลักสูตร MBA ภาคภาษาอังกฤษของจุฬาฯ เน้นการประยุกต์ใช้งานจริงและเตรียมความพร้อมให้นักศึกษาสำหรับบทบาทผู้นำในโลกที่เชื่อมโยงกันมากขึ้นเรื่อยๆ
ควรทำงานต่างประเทศหรือกลับมาทำงานในประเทศไทยหลังจบ MBA?
ข้อดีของการทำงานต่างประเทศ
- เงินเดือนสูงกว่า: อุตสาหกรรมบางประเภทในประเทศ เช่น สิงคโปร์ ฮ่องกง หรือสหรัฐอเมริกา มีฐานเงินเดือนที่ค่อนข้างสูง
- ได้รับประสบการณ์ที่หลากหลาย: ได้รับประสบการณ์ในตลาดต่างประเทศ
- โอกาสในการสร้างเครือข่าย: เพิ่มโอกาสในการสร้างคอนเนคชันกับผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายอุตสาหกรรม
ข้อดีของการกลับมาทำงานในประเทศไทย
- ตำแหน่งผู้นำ: บริษัทไทยและบริษัทข้ามชาติหลายแห่งในประเทศไทยให้ความสำคัญกับผู้สมัครที่มีประสบการณ์สูงและจบหลักสูตร MBA
- ค่าครองชีพต่ำกว่า: เมื่อเทียบกับเมืองใหญ่ระดับโลก
- โอกาสในการเริ่มต้นธุรกิจ: ใช้ MBA ของคุณในการเปิดธุรกิจของคุณเองในประเทศไทย
เส้นทางอาชีพหลังจบ MBA
อาชีพยอดนิยม
- การเงิน (Finance): ธุรกิจการลงทุน การให้คำปรึกษาทางการเงิน วาณิชธนกร (Investment banker) และบทบาทด้านการเงินขององค์กร
- การตลาด (Marketing): การจัดการแบรนด์ การตลาดดิจิทัล หรือการวิจัยตลาด
- ฝ่ายหัวหน้าผลิตภัณฑ์ (Product) : ผู้ดูแลผลิตภัณฑ์ ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ Product Manager
- การให้คำปรึกษา (Consultant): บทบาทที่ปรึกษาเชิงกลยุทธ์ การดำเนินงาน หรือการจัดการ
- ผู้ประกอบการ (Entrepreneur): เริ่มต้นธุรกิจของคุณเองหรือเข้าร่วมกับสตาร์ทอัพ
- ตำแหน่งผู้นำ (Leader and Management): ตำแหน่ง เช่น CEO, COO หรือกรรมการผู้จัดการ
เงินเดือนเฉลี่ย
- ในประเทศไทย: ผู้สำเร็จการศึกษา MBA สามารถคาดหวังเงินเดือนเริ่มต้นระหว่าง 50,000-150,000 บาทต่อเดือน ขึ้นอยู่กับอุตสาหกรรม
- ต่างประเทศ: เงินเดือนสามารถอยู่ระหว่าง 150,000-500,000 บาทต่อเดือนในประเทศ เช่นสิงคโปร์ ฮ่องกง หรือสหรัฐอเมริกา
MBA เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจเเละคุ้มค่าที่จะเรียน เหมาะสำหรับคนที่ต้องการพัฒนาทักษะความเป็นผู้นำไปจนถึงการเปิดโอกาสสู่งานที่มีรายได้ดี อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจเรียนต่อ MBA ควรสอดคล้องกับเป้าหมายอาชีพ สถานการณ์ทางการเงินและเป้าหมายในระยะยาว ไม่ว่าคุณจะเลือกทำงานต่างประเทศหรือกลับมาทำงานในประเทศไทย การจบ MBA ก็สามารถสร้างรากฐานที่มั่นคงสำหรับอาชีพของเราได้
และหากใครกำลังมองหาหลักสูตร MBA หรือหลักสูตรต่าง ๆ จากสถาบันชั้นนำต่างประเทศสามารถเข้ามาดูได้ที่ Education Portal