
เคยสงสัยไหมว่าอะไรที่ทำให้แต่ละคนมีลักษณะนิสัยที่แตกต่างกัน? ทฤษฎีบุคลิกภาพของฮันส์ ไอเซ็นค์ เป็นอีกหนึ่งแนวทางที่น่าสนใจในการทำความเข้าใจความแตกต่างระหว่างบุคคล โดยเชื่อว่าบุคลิกภาพสามารถอธิบายได้ด้วยมิติหลัก ๆ ที่มีความเป็นชีวภาพเป็นพื้นฐาน ลองมาเจาะลึกทฤษฎีนี้ไปพร้อม ๆ กัน
Eysenck's Personality คืออะไร?
Eysenck's Personality หรือทฤษฎีบุคลิกภาพของไอเซ็นค์ เป็นแบบจำลองทางจิตวิทยาที่พยายามอธิบายโครงสร้างของบุคลิกภาพที่พัฒนาโดย Hans Jürgen Eysenck นักจิตวิทยาชาวเยอรมัน-อังกฤษ เป็นผู้พัฒนาทฤษฎีนี้ขึ้นในช่วงทศวรรษที่ 1940-1960 โดยเขาเชื่อว่าบุคลิกภาพของมนุษย์สามารถวัดได้ผ่านมิติพื้นฐานเพียงไม่กี่ด้าน ซึ่งสามารถทำนายพฤติกรรม ความชอบ และแนวโน้มทางอารมณ์ของบุคคลได้อย่างแม่นยำ
จุดประสงค์หลักของทฤษฎีบุคลิกภาพของไอเซ็นค์คือการสร้างกรอบแนวคิดที่เป็นระบบและสามารถวัดผลได้ เพื่อทำความเข้าใจและทำนายพฤติกรรมของบุคคล โดยเชื่อว่าบุคลิกภาพไม่ใช่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้ง่ายนัก แต่มีรากฐานมาจากพันธุกรรมและระบบประสาท
แบบทดสอบบุคลิกภาพของไอเซ็นค์ (Eysenck Personality Questionnaire หรือ EPQ) จะวัดบุคลิกภาพตาม 3 มิติหลัก ได้แก่:
- Extraversion (E) - Introversion (I): มิตินี้อธิบายถึงระดับของการมุ่งเน้นพลังงานของบุคคล คนที่มีคะแนนสูงในด้าน Extraversion (ชอบแสดงตัว) มักจะเป็นคนเปิดเผย ชอบเข้าสังคม กระตือรือร้น มองโลกในแง่ดี และแสวงหาความตื่นเต้น ในทางตรงกันข้าม คนที่มีคะแนนสูงในด้าน Introversion (ชอบเก็บตัว) มักจะเป็นคนเงียบขรึม ชอบอยู่คนเดียว ระมัดระวัง และคิดทบทวน
- Neuroticism (N) - Emotional Stability (S): มิตินี้สะท้อนถึงความมั่นคงทางอารมณ์ของบุคคล คนที่มีคะแนนสูงในด้าน Neuroticism (วิตกกังวล) มักจะมีความรู้สึกไวต่อความเครียด วิตกกังวล หงุดหงิดง่าย และมีแนวโน้มที่จะมีอารมณ์แปรปรวน ในขณะที่คนที่มีคะแนนสูงในด้าน Emotional Stability (มั่นคงทางอารมณ์) มักจะเป็นคนใจเย็น มั่นคงทางอารมณ์ และสามารถรับมือกับความเครียดได้ดี
- Psychoticism (P): มิตินี้เป็นมิติที่เพิ่มเข้ามาในภายหลัง โดยอธิบายถึงระดับความไม่เห็นอกเห็นใจผู้อื่น ความหุนหันพลันแล่น และบางครั้งอาจเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมต่อต้านสังคม คนที่มีคะแนนสูงในด้าน Psychoticism (ชอบต่อต้านสังคม) อาจมีลักษณะแข็งกระด้าง ไม่สนใจความรู้สึกของผู้อื่น และมีแนวโน้มที่จะมีพฤติกรรมที่ไม่เป็นมิตร อย่างไรก็ตาม ไอเซ็นค์เน้นย้ำว่าคะแนนสูงในมิตินี้ไม่ได้หมายความว่าบุคคลนั้นเป็นโรคจิต แต่เป็นเพียงแนวโน้มของลักษณะบุคลิกภาพ

ผลการทดสอบ Eysenck’s Personality ประกอบด้วยอะไรบ้าง?
- Extraversion-Introversion: คะแนนสูงบ่งบอกถึงความเป็นคนชอบเข้าสังคม ชอบทำกิจกรรมกลุ่ม และมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น ในขณะที่คะแนนต่ำบ่งบอกถึงความเป็นคนชอบอยู่คนเดียว ชอบความสงบ และอาจจะรู้สึกเหนื่อยล้าจากการเข้าสังคมมากเกินไป
- Neuroticism-Emotional Stability: คะแนนสูงบ่งบอกถึงแนวโน้มที่จะมีความรู้สึกด้านลบ เช่น ความวิตกกังวล ความเศร้า หรือความโกรธได้ง่าย ในขณะที่คะแนนต่ำบ่งบอกถึงความสามารถในการควบคุมอารมณ์ได้ดี มีความมั่นคงทางจิตใจ และสามารถรับมือกับความกดดันได้
- Psychoticism-Normality: คะแนนสูงบ่งบอกถึงแนวโน้มที่จะมีลักษณะที่ไม่เป็นมิตร ไม่เห็นอกเห็นใจผู้อื่น และอาจมีพฤติกรรมหุนหันพลันแล่น ในขณะที่คะแนนต่ำบ่งบอกถึงความเป็นคนที่มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น มีความรับผิดชอบ และปฏิบัติตามกฎเกณฑ์
อาชีพที่เหมาะกับผลการทดสอบ Eysenck’s Personality
1.Extraversion สูง
เหมาะกับอาชีพที่ต้องมีการปฏิสัมพันธ์กับผู้คนจำนวนมาก เช่น พนักงานขาย, นักการตลาด, วิทยากร, นักข่าว, นักรายการวิทยุ นักแสดง นักดนตรี ,ประชาสัมพันธ์

2.Introversion สูง
เหมาะกับอาชีพที่ไม่ต้องมีการปฏิสัมพันธ์กับผู้คนมากนัก หรือต้องการสมาธิและความเป็นอิสระสูง เช่น นักวิจัย, โปรแกรมเมอร์, นักเขียน, บรรณาธิการ, นักบัญชี

3.Neuroticism ต่ำ (Emotional Stability สูง)
เหมาะกับอาชีพที่ต้องเผชิญกับความกดดันสูงและต้องการความมั่นคงทางอารมณ์ เช่น นักดับเพลิง, ตำรวจ, แพทย์ฉุกเฉิน, นักบิน, ผู้บริหารระดับสูง

4.Neuroticism สูง
อาจต้องเลือกอาชีพที่ไม่ต้องเผชิญกับความเครียดมากนัก หรือมีระบบสนับสนุนที่ดี เช่น งานที่ปรึกษา, บรรณารักษ์, งานแอดมิน, งานด้านเอกสาร

5.Psychoticism ต่ำ
เหมาะกับอาชีพที่ต้องการความร่วมมือ การทำงานเป็นทีม และการปฏิบัติตามกฎระเบียบ เช่น ครู, พยาบาล, ข้าราชการ, พนักงานในองค์กรขนาดใหญ่

6.Psychoticism สูง
อาจจะเหมาะสมกับอาชีพที่ไม่ต้องการการประนีประนอมสูง หรือต้องการความคิดสร้างสรรค์นอกกรอบ เช่น ศิลปิน, นักออกเเบบ, ผู้ประกอบการ

ทำแบบทดสอบได้ที่ไหน?
Eysenck’s Personality Theory เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการเข้าใจตนเองและผู้อื่น ช่วยในการแนะแนวอาชีพและพัฒนาทักษะส่วนบุคคล โดยเฉพาะในด้านการจัดการอารมณ์ ความสัมพันธ์ และการเลือกเส้นทางอาชีพที่เหมาะสม จากนั้นเราสามารถนำผลลัพธ์ไปต่อยอดเพื่อสำรวจอาชีพที่เหมาะสมกับบุคลิกของเรา วางแผนเส้นทางอาชีพอย่างมีทิศทาง
หากชอบคอนเทนต์น้ี ติดตาม Jobcadu แพลตฟอร์มหางานและแนะแนวอาชีพสำหรับคนที่อยากรู้จักตัวเองให้มากขึ้นขึ้น และเติบโตอย่างมืออาชีพ